เบาหวานชนิดที่ 1 กับชนิดที่ 2 ต่างกันอย่างไร?

เบาหวานชนิดที่ 1 กับชนิดที่ 2 ต่างกันอย่างไร?

“โรคเบาหวาน” ไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 และ เบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีต้นเหตุ กลุ่มเสี่ยง และวิธีดูแลรักษาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้ดูแลตัวเองหรือคนในครอบครัวได้ถูกต้อง และหาทางควบคุมหรือฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างเหมาะสม


🔎 เบาหวานชนิดที่ 1 คืออะไร?

  • มักพบในวัยเด็กหรือวัยรุ่น แต่ก็สามารถเกิดในผู้ใหญ่ได้
  • เกิดจาก ภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเซลล์เบต้าในตับอ่อน ที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน
  • ร่างกายจึง ไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เลย หรือผลิตได้น้อยมาก

👉 ลักษณะเด่น:

  • ต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิต
  • ไม่เกี่ยวกับน้ำหนักหรือพฤติกรรมการกิน
  • เกิดขึ้นเร็ว อาการชัดเจน เช่น กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดเร็ว

🔍 เบาหวานชนิดที่ 2 คืออะไร?

  • พบมากที่สุดในคนไทย (90–95% ของผู้ป่วยเบาหวาน)
  • มักพบในวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ อายุ 40 ปีขึ้นไป
  • เกิดจาก ภาวะดื้ออินซูลิน — ร่างกายยังผลิตอินซูลินได้ แต่ใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ

👉 ลักษณะเด่น:

  • มักเกิดจากพฤติกรรมสะสม เช่น กินหวานจัด มันจัด ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน
  • อาการไม่รุนแรงในระยะแรก
  • ถ้ารู้ตัวเร็ว สามารถ “ควบคุมหรือฟื้นฟูได้” โดยไม่ต้องพึ่งยาในบางกรณี

📊 เปรียบเทียบความแตกต่างเบาหวานชนิดที่ 1 vs 2

ลักษณะชนิดที่ 1ชนิดที่ 2
สาเหตุภูมิคุ้มกันทำลายตับอ่อนดื้ออินซูลินจากพฤติกรรมสะสม
กลุ่มเสี่ยงเด็ก / วัยรุ่นผู้ใหญ่ 40+ / น้ำหนักเกิน
การผลิตอินซูลินแทบไม่มีเลยยังมี แต่ร่างกายใช้งานไม่ได้ดี
การรักษาต้องฉีดอินซูลินเริ่มจากปรับอาหาร / ออกกำลังกาย
ป้องกันได้ไหมไม่ป้องกันได้

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเบาหวานจากหมอแบงค์ Food doctor ได้ที่คลิปนี้


สรุป

เบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 แตกต่างกันทั้งสาเหตุ กลุ่มเสี่ยง และวิธีดูแล
เบาหวานชนิดที่ 1 ต้องรักษาด้วยอินซูลินตลอดชีวิต
เบาหวานชนิดที่ 2 สามารถฟื้นฟูได้จากการปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะ “การกิน” ที่ถูกต้อง

แนวทางอาหารต้นทางจึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบสำหรับผู้ที่อยากดูแลเบาหวานอย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องพึ่งยาหรืออาหารเสริม