7 เทคนิคเปลี่ยนการกินที่ช่วยลดน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดไปพร้อมกัน
หลายคนพยายามลดน้ำหนักหรือลดน้ำตาลในเลือดด้วยวิธีอดอาหาร หรือใช้สูตรเร่งรัด แต่สุดท้ายก็โยโย่ หรือสุขภาพย่ำแย่ลง แนวทางอาหารต้นทางเสนอวิธีที่เรียบง่าย แต่ยั่งยืน โดยอาศัยการกินอาหารธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านการแปรรูป และสอดคล้องกับกลไกร่างกาย
ต่อไปนี้คือ 7 เทคนิคที่คุณสามารถเริ่มได้เลย เพื่อช่วยลดทั้งน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดไปพร้อมกัน:
1. กินอาหารจริง (Whole Food) เป็นหลัก
ลดหรือเลี่ยงอาหารแปรรูปทุกชนิด เช่น ไส้กรอก ขนมปังขาว ขนมกรุบกรอบ แล้วหันมากินอาหารธรรมชาติ เช่น ข้าวกล้อง ผักสด ถั่ว ธัญพืช และผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์และสารอาหารที่แท้จริง
2. ไม่ต้องงดข้าว แต่เลือกข้าวให้เป็น
ข้าวไม่ใช่ศัตรูของเบาหวานหรือการลดน้ำหนัก ถ้าเลือกข้าวไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวแดง ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และทำให้อิ่มนาน
3. เริ่มมื้ออาหารด้วยผัก
การกินผักก่อนข้าวจะช่วยให้ระดับน้ำตาลหลังอาหารไม่พุ่งเร็ว และยังช่วยให้กินข้าวได้น้อยลงโดยไม่รู้สึกหิว เพิ่มใยอาหารให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
4. กินผลไม้ได้ แต่ให้กินถูกวิธี
เลือกผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิล ฝรั่ง แก้วมังกร และควรกินเป็นชิ้นทั้งลูก ไม่ปั่น ไม่แยกกาก และกินร่วมในมื้อหลัก ไม่แยกกินเดี่ยวๆ เพื่อลดโอกาสน้ำตาลพุ่ง
5. ลดน้ำมัน ของทอด และไขมันจากสัตว์
ไขมันอิ่มตัวและน้ำมันมากเกินไปทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลินและลดประสิทธิภาพการเผาผลาญ ควรเปลี่ยนมาใช้น้ำมันน้อยที่สุด และเลือกใช้ไขมันดีจากพืช เช่น งา ถั่ว อะโวคาโด (ในปริมาณพอดี)
6. กินให้ครบหมู่ในแต่ละมื้อ
อาหารต้นทางแนะนำให้กินให้หลากหลาย และครบ 5 หมู่ โดยไม่เน้นโปรตีนเกินจำเป็น เพราะโปรตีนสูงมากเกินไปอาจเพิ่มภาระตับและไต ควรให้สัดส่วนของพืช (ผัก-ข้าว-ผลไม้) มากกว่าเนื้อสัตว์
7. ฟังร่างกาย ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องอด
หัวใจของแนวทางอาหารต้นทาง คือ “ความยั่งยืน” ไม่ต้องอด ไม่ต้องนับแคล เพียงแค่ฟังความรู้สึกตัวเองว่าหิวจริงหรือเปล่า อิ่มเมื่อไหร่ พอก่อน และค่อยๆ ปรับจนกลายเป็นวิถีชีวิตถาวร
เริ่มต้นวิธีการลดน้ำหนักง่ายๆ ในคลิปนี้
สรุป:
การลดน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือใช้วิธีสุดโต่ง หากเรารู้วิธีกินที่ถูกต้อง การเปลี่ยนแค่ 7 อย่างนี้ตามแนวทางอาหารต้นทาง จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีแบบยั่งยืน — ทั้งหุ่นดี และค่าน้ำตาลดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
